ตอนนี้หันไปทางไหน ก็ได้ยินแต่เรื่องการรณรงค์ช่วยลดภาวะโลกร้อน ทั่วบ้านทั่วเมือง
โดยที่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า คนที่เป็นตัวตั้งตัวตีเชิญชวนเนี่ย ทำได้จริงๆ อย่างที่พูดรึป่าว???
ที่เกริ่นอย่างนี้ ไม่ได้มีเจตนา จะกัดหรือแขวะใครทั้งสิ้น เพราะส่วนตัวแล้วก็คิดว่าอย่างน้อยที่สุด ถึงในความเป็นจริงอาจจะมี celeb บางส่วนที่ได้รับเชิญ (หรือจ้าง) ให้ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ รณรงค์ช่วยสังคมเรื่องนั้นเรื่องนี้ เช่น รณรงค์ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอลล์ (แต่ตัวเองก็อาจจะทั้งแอบดื่ม และแอบสูบอยู่เป็นประจำ) รณรงค์เรื่องลูกกตัญญู รักครอบครัว (แต่ก็อีกนั่นแหละ บางคนก็อาจจะทะเลาะกับพ่อแม่แทบทุกวัน) หลายๆ คน แทบจะไม่สามารถทำในสิ่งที่ตัวเองได้ออกมารณรงค์ทางสื่อได้เล๊ย!! แต่ยังไงซะ ถ้าคิดในแง่บวก ก็ยังมีข้อดีอยู่ เพราะถ้ามองกันอีกมุมหนึ่งแล้ว พวกเขาเหล่านั้นก็เป็นผู้อิทธิพล และสามารถเข้าถึงผู้คนมากมาย สามารถเป็น idol สร้างแรงบันดาลใจให้ทำตามได้จริง เพราะงั้นก็ยังมีข้อดีอยู่บ้าง (ชิมิ)
เอ๊า!! นอกเรื่องออกข้างทางไปไกลเลยค่ะ กลับมาเข้าเรื่อง street fashion go green กันดีกว่า
ปัจจุบันนี้ไม่ว่าองค์กรภาคส่วนไหน ก็พยายามหาวิธีที่จะช่วยกันลดโลกร้อนกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นวงการรถยนต์ วงการบ้าน วงการพลังงาน แม้แต่ในวงการแฟชั่นเองก็ตาม.... ในยุคแรกๆ เลย ก็คงหนีไม่พ้นการทำถุงผ้าดิบออกมาใช้แทนถุงพลาสติก อูย..ตอนนั้นเรียกได้ว่า เรียกเสียงฮือฮาๆ กันมาก จนต่อมาก็ทำกันจนเกร่อบ้านล้นเมือง คลอดรูปแบบเป็นร้อยเป็นพัน หลังๆ ก็มี celeb รับเชิญมาร่วมออกแบบให้อีกมากมายนับไม่ถ้วน แต่เอ๊ะ...มันจะได้ผลจริงมั้ยละนี่ ถ้าถือกระเป๋าผ้าดิบออกจากบ้าน (เก๋ ๆ สวยๆ) แต่เวลาซื้อของก็ยังใส่ถุงพลาสติกกลับบ้านเหมือนเดิมอยู่ดี (เคยเห็นเหมือนกันใช่มั้ยคะ) อันนี้ไม่ฮานะคะ เพราะเห็นบ่อยมาก แล้วอย่างนี้จะทำกระเป๋าไปเพื่ออะไรหนอ.... ในวงการแฟชั่นดีไซน์เองก็ไม่น้อยหน้า จัด contest ออกแบบเสื้อผ้าที่ทำจากวัสดุลดโลกร้อน หรือรีไซเคิล รวมตัวดีไซเนอร์ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ นับเวทีกันไม่ถ้วนอ่ะ จำกันไม่หวาดไม่ไหว แต่ไอ้ที่ประกวดแล้วเดินโชว์กันอยู่บน runway เนี่ย มันก็ไม่ได้นำมาขายใส่เดินถนนได้จริงอีก (ซะงั้นอีก)
แต่นี่เลยค่ะ ข่าวดีล่าสุดเมื่อองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ร่วมกับสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ และกลุ่มผู้ผลิตสิ่งทอ ได้จับมือกันจัดทำโครงการส่งเสริมการพัฒนาเสื้อผ้าลดโลกร้อน (CoolMode) สนับสนุนผู้ผลิตพัฒนาเสื้อผ้าไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งกระตุ้นให้เกิดตลาดสิ่งทอลดภาวะ โลกร้อนอย่างเป็นรูปธรรม (เข้าทีแฮ่ะ) เห็นทีแนวโน้มในอนาคตหลายๆ ผู้ผลิตก็คงจะใส่ใจ และทำ R&D ในเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง ยิ่งถ้าตลาดแฟชั่น request ผ้าทอชนิดนี้กันมากขึ้น การแข่งขันก็จะมากขึ้นเป็นเงาตามตัว และนี่ก็คงจะเป็นข่าวดีแก่พวกเรา สังคม ประเทศ และโลก (สาธุ..... ขอให้เกิดทีเถิด)
สำหรับตัวผู้เขียนเองก็มีหลายวิธีง๊ายง่าย ที่เห็นว่าใครก็ทำได้หรือจริงๆ และคิดว่ามีหลายๆ คนก็อาจจะทำอยู่เหมือนกัน คือการใช้เสื้อผ้าแบบหมุนเวียนค่ะ บางทีอยู่ในกลุ่มเราเองเนี่ย มีกัน 5-6 คน รูปร่างใกล้เคียงกัน ใส่เสื้อผ้าสไตล์ใกล้ๆ กัน ทำงานกันอยู่คนละบริษัท คนละแห่ง ก็ผลัดกันใส่ ผลัดกันชมค่ะ ใส่เบื่อแล้ว ก็เอาไปแลกกับเพื่อนใส่ แลกกับน้องใส่ (แต่เน้นว่าต้องสนิทกันจริงๆ นะคะ) เสื้อผ้าที่อยู่ในตู้ ก็เอามา mix & match อีก ถ้ากลัวซ้ำก็จำเอาไว้ว่าใส่ตัวนี้ไปหาใครมาบ้างแล้ว ก็เอาเก็บไว้ใส่ไปงานอื่น หรือไปเจอเพื่อนกลุ่มอื่นบ้าง (ฮั่นแน่ จริงๆ ก็ทำอยู่ใช่มั้ยล่ะ) ไอ้ที่ไม่ใส่แล้วก็ไปแลกเป็นเงินมาซะ (ก็ขายต่อนั่นเอง) หรือไม่ก็แลกกับตัวอื่นดีมั้ยคะ พอลดการซื้อ ก็จะช่วยลดการผลิต ก็ลดโลกร้อนได้อีก แถมยังได้อยู่แบบพอเพียง เหมาะกับสภาวะเศรษฐกิจในยุคนี้อีกต่างหาก
แต่วิธีที่ผู้เขียนทำประจำมาตลอด และไม่อายด้วย ก็คือ การใส่มันซ้ำๆ นั่นแหละค่ะ เช่น กางเกงยีนส์ ตัวเดียวเราสามารถใส่ได้เป็นเดือน ใครเห็นก็คิดว่าเซอร์ (แต่ป่าวหรอก ไม่ได้ซักมาเกือบเดือนแว้ว) แต่เราเองก็รู้อยู่แก่ใจนะคะ ว่าเสื้อผ้าที่เราใส่มันสกปรกหรือเปรอะเปื้อนอะไรมั้ย มีกลิ่นรึป่าว ก็แค่ออกไปทำธุระแป๊บๆ หรือเจอเพื่อนไม่กี่ชั่วโมง ไม่เปรอะเปื้อนอะไรก็เก็บไว้ใส่ได้อีกนี่นา ไม่เห็นต้องซักกันบ่อยๆ ไม่ทำลายทั้งเนื้อผ้า ยังได้ประหยัดน้ำ ประหยัดไฟ ประหยัดผงซักซอก แถมประหยัดพลังงานเราอีกด้วย!! ถ้านับข้อดีได้มากกว่าข้อเสีย ก็เอาไปใช้กันบ้างนะคะ พลีส พลีส.....
อีกข้อหนึ่งที่กำลังอินจัด และอยากจะเชิญชวนมาจอยกันมั่กมัก หลายๆ คนก็คงฟังมากันจนเบื่อแล้ว แถมยังต้องมาอ่านเจออีก คือ.....เรื่องการปั่นจักรยานลดโลกร้อนเด้อค่ะเด้อ (อย่าเพิ่งเบื่อกันนะคะ) สาวๆ ทั้งหลายทราบกันมั้ยคะ ว่ากระบวนการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ถือเป็นตัวการอันดับต้นๆ ที่ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจก หรือ green effect และส่งผลให้อุณหภูมิของโลกสูงขึนเรื่อยๆ โดยจากสถิติพบว่าการขับรถยนต์เพียงระยะทาง 1 ไมล์ (หรือประมาณ 1.6 กม.) จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 1 ปอนด์ ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ (ก็คิดดูว่าในโลกนี้มีรถกี่พันล้านคัน) ดังนั้นหากพวกเราร่วมกันลดการใช้รถยนต์ ก็จะเป็นการช่วยลดโลกร้อนได้อีกทางหนึ่ง (อย่างแน่นอน)
โดยปกติผู้เขียนเป็นคนที่ไม่เคย และไม่ชอบทำอะไรตามกระแสเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแฟชั่นหรืออะไรก็ตาม แต่เรื่องการปั่นจักรยานนี่เป็นอะไรที่เราเห็นด้วยอย่างที่สุดๆ และไม่เคยมองว่ามันเป็นเรื่องตามกระแสแม้แต่นิด เพราะเราใช้มันเป็นพาหนะทางเลือกอย่างจริงจังค่ะ ไม่จำเป็นต้องรอใครมาปั่นเป็นเพื่อน เป็นกลุ่มเป็นก๊วน ไม่จำเป็นต้องรอวัน car free day หรือรอวันปั่นจักรยานแห่งชาติอะไรทั้งสิ้น ปั่นเลยค่ะ ปั่นมันคนเดียวนี่แหละ เพราะว่านอกจากจะประหยัดน้ำมันรถ และได้ออกกำลังกายแล้ว แถมมันยังดูเป็นเรื่องเก๋ไก๋ปฏิเสธไม่ลงเลยจริงๆ แม้แต่ celeb ชื่อดังหลายคน ก็ยังหันมาปั่นจักรยานกันตามแต่โอกาสจะเอื้ออำนวย ไม่ว่า Mary Kate Olsen,Miley Cyrus, Paris Hilton, Beyonce, Taylor Swift และ อีกมากมายหลายคน ถ้าจะไล่ให้ครบคงไม่มีพื้นที่พอให้เขียนเป็นแน่แท้ แม้แต่ designer ชื่อดัง ผู้พิศมัยการแหกฎอย่าง Vivienne Westwood ก็ยังปฏิเสธไม่ลง แถมเธอก็เป็นคนที่ปั่นจักรยาน ในชีวิตประจำวันตลอดด้วย
แต่หลายคนคงนึกแย้งในใจ (หรือพูดออกมาดังๆ ก็ไม่รู้) ว่า...บ้าเหรอ ร้อนจะตาย รถก็ติด เหม็นควันรถก็เหม็น ไหนจะหน้าฝนอีก!! แหม...คุณขา ก็เลือกสิค่ะ ไม่ได้ให้ปั่นกันทุกวัน แต่ปั่นทุกเวลาที่มีโอกาสค่า ไปทำธุระไม่ไกลเกินไปนัก (เพราะถนนใหญ่บางพื้นที่ก็อาจจะอันตราย) แดดไม่มี ฝนไม่ตก อากาศดี ซึ่งตัวผู้เขียนเองก็มีจักรยานวินเทจ 2 คัน และจักรยานเสือภูเขาอีก 1 คัน และก็ปั่นจริงๆ มาตลอด แบบไม่ต้องรอจับกลุ่มปั่นกับใครๆ ปั่นคนเดียวได้อาทิตย์ละหลายๆ วันเลยค่ะ หรือถ้าใครทำงานที่ออฟฟิศใกล้บ้านก็ยิ่งเริ่ด ปั่นกันได้ทุกวันเลย เช้าๆ ปั่นสบาย ไม่ต้องเบื่อรถติดด้วย ลองจินตนาการดูสิค่ะ ว่าคุณแต่งตัวฟูลออพ ปั่นจักรยานแนว ๆ เริ่ดๆ เก๋จะตาย งานนี้มีแต่เกิด เกิด เกิด!!!
ชมภาพแล้ว ก็คงพอจะเข้าใจ แล้วใช่มั้ยค่ะว่าทำไม่เราถึงชอบการปั่นจักรยานนัก
คราวหน้ามาคุยกันเรื่อง การถ่ายรูปแนว street นะคะ
ว่าแต่ตอนนี้ต้องไปแล้ว จะปั่นจักรยานไปแบ้งค์ค่ะ
street talk by
Roongsai
10-07-09